วันศุกร์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2555

เคล็ดลับการสครับ เพื่อเผยผิวสวย


เคล็ดลับการสครับ เพื่อเผยผิวสวย



หากอยากมีผิวหน้าที่ดูกระจ่างใส สะอาดปราศจากสิ่งอุดตันรูขุมขน การสครับผิวสามารถช่วยคุณได้เป็นอย่างดี และเชื่อว่าสาว ๆ ทุกคนย่อมรู้ดีอยู่แล้วว่าการสครับผิวนั้นสามารถทำเองได้ที่บ้าน แต่หลาย ๆ คนก็ยังคิดว่าหากต้องการสรับให้ได้ผลดีจริง ๆ ก็ต้องไปทำที่สปา หรือทำตามคลีนิกผิวหนังเท่านั้น แต่ความจริงแล้วแม้แต่การสครับผิวหน้าด้วยตัวเองก็สามารถทำให้เห็นผลได้ดีเช่นกัน เพียงแต่ทำอย่างสม่ำเสมอและรู้เคล็ดลับเล็ก ๆ น้อย ๆ ดังต่อไปนี้ค่ะ

  • ใช้ถุงมือสครับผิว 
          การกำจัดเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วให้หลุดออกไปไม่จำเป็นต้องอาศัยวิธีการที่ใช้เทคนิคสูงและมีค่าใช้จ่ายแพงอย่างการขัดผิวก็ได้ เพียงแค่รู้จักการวิธีสครับผิวที่ดีและใช้ผลตภัณฑ์ที่มีคุณภาพเท่านั้นก็เพียงพอ เลือกใช้ถุงมือสำหรับสครับผิวหน้าหรือแผ่นยางซิลิโคนสำหรับสครับผิวหน้าซึ่งผลิตมาให้มีความอ่อนนุ่มอ่อนโยนกับผิวบอบบาง (หลีกเลี่ยงการใช้ฟองน้ำ เพราะมักมีความชื้นและเป็นแหล่งรวมตัวของแบคทีเรีย) หยดผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าลงไปและถูบนผิวหน้าที่เปียก ขัดนวดเบา ๆ ให้ทั่ว จากนั้นจึงล้างออก เพียงเท่านี้ก็สามารถสครับผิวอย่างอ่อนโยนได้แล้ว

  • ไม่สครับผิวทุกวันหากผิวแพ้ง่าย 
          การสครับผิวเพื่อให้เห็นผลที่ดีที่สุด ควรทำเป็นประจำสัปดาห์ละ 1-3 ครั้ง ทั้งนี้ความถี่ขึ้นอยู่กับสภาพผิวหน้า หากคุณเป็นคนผิวมัน ใบหน้าผลิตทั้งเหงื่อและน้ำมันออกมามาก ก็ควรสครับราวสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง แต่หากเป็นคนผิวแห้ง สครับเพียงสัปดาห์ละครั้งก็เพียงพอแล้ว นอกจากนี้ยังไม่ควรสครับหน้าบ่อยเกินไป เพราะเป็นการรบกวนผิวมากเกินไป และทำให้เกิดอาการระคายเคืองได้ 

  • ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตมาเพื่อการสครับผิวหน้าโดยเฉพาะ
          อย่าลืมสำรวจผลิตภัณฑ์ที่คุณเลือกใช้ให้มั่นใจว่า เป็นผลิตภัณฑ์เพื่อการสครับที่ออกแบบมาเพื่อผิวอ่อนบางอย่างผิวหน้าโดยเฉพาะ บางคราวสาว ๆ ก็คว้าพลาด หยิบครีมสครับผิวกายมาใช้กับผิวหน้า (หรือบางคนก็ใช้แทนกันไปเลยก็มี) ทำให้เกิดอาการแพ้และระคายเคืองตามมาได้


  • ปิดท้ายการสครับด้วยมอยส์เจอไรเซอร์เพิ่มความชุ่มชื้นทุกครั้ง 

          หลังการสครับกำจัดเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วออกจากผิว ผิวก็ดูกระจ่างใสและเรียบเนียนมากขึ้น แต่ทั้งนี้เพื่อให้ผิวทั้งเนียนทั้งนุ่มละมุนต้องไม่ลืมที่จะบำรุงเพิ่มความชุ่มชื้นด้วยมอยส์เจอไรเซอร์ทุกครั้ง ซึ่งผิวหลังการสครับที่ไร้เซลล์ผิวที่ตายแล้วทับถมอยู่ด้านบน ก็สามารถซึมซับสารบำรุงและความชุ่มชื้นได้ดีขึ้น ทำให้ผิวเนียนนุ่ม สีผิวสม่ำเสมอ ทั้งยังช่วยให้รูขุมขนกระชับขึ้นด้วย ส่วนผู้ที่มั่นใจว่าผิวของตัวเองแข็งแรงดีและเว้นขั้นตอนการทาครีมบำรุงหลังการสครับนั้น อาจต้องประสบปัญหาผิวแห้งและริ้วรอยเอาได้ง่าย ๆ


          สาวคนไหนอยากมีผิวสวย เรียบเนียน และดูกระจ่างใส ต้องลองทำกันดูนะคะ




สูตรผิวสวยแบบง่ายๆ



   สาว ๆ ที่ขาดความมั่นใจ ไม่กล้าเผยผิวเพราะมีรอยคล้ำจากแดด เรามีเทคนิคง่ายๆเพื่อให้ผิวกลับสวยกระจ่างใสมาฝากค่ะ

          เริ่มจากปั่นโยเกิร์ต มะเขือเทศ และมะขามเปียก จนละเอียดเป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นบีบมะนาว 1 ลูก คนจนเข้ากันดี แล้วจึงใส่น้ำตาลแดงลงไป นำส่วนผสมที่ได้มาขัดผิวกายให้ทั่ว ทิ้งไว้ 5 นาที แล้วล้างออกให้สะอาด ทำเป็นประจำสัปดาห์ละ 2 ครั้ง

          เพื่อกระตุ้นให้เกิดการผลัดเซลล์ผิวให้เซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ เผยผิวสวยใส เปล่งปลั่งอย่างเป็นธรรมชาติ 
การดูแลผิวหน้าในแต่ละวัย 

        การดูแลผิวหน้าในแต่ละวัย ย่อมแตกต่างกันตามสภาพผิวที่เปลี่ยนแปลงไปตามวัยที่เพิ่มขึ้นในช่วงที่ยังเป็นสาวหน้าใส ผิวพรรณ เต่งตึง การทาแค่ครีมกันแดด และล้างหน้าด้วยเคลนเซอร์สูตรอ่อนโยนก็อาจจะเพียงพอ แต่เมื่อวัยมากขึ้นรอยตีนกาเริ่มมาเยือน ผิวหน้าที่เคยเนียนใส กลับดูแห้งหรือหยาบมากขึ้น การเลือกผลิตภัณฑ์และการดูแลผิวอาจจะดูยุ่งยาก และต้องใส่ใจกันมากขึ้น เพราะปัญหาของผิวจะเริ่มปรากฎมากขึ้นนั่นเอง
วัย15-20 ปี             การดูแล : วัยรุ่นกับสิวเป็นของคู่กันเสมอ สิวในช่วงนี้มักเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเพศ และมีตัวก่อกวนอื่น ๆ ร่วมด้วยเช่น การแคะ แกะ หรือบีบสิว รวมทั้งความเครียดและอดนอนจริง ๆ แล้ว สิวที่เกิดขึ้นมักหายไปเองตามธรรมชาติ ถ้าเราไม่ไปกดสิว ปัญหารอยดำ และการอักเสบก็จะไม่เกิดขึ้น แต่หากไม่หาย ก็ปรึกษาคุณหมอเถอะค่ะ การดูแลผิวในวัยสาวน้อย ควรล้างหน้าด้วยสบู่อ่อน ๆ วันละ 2 ครั้งก็พอ และหลีกเลี่ยงเคลนเซอร์หรือโทนเนอร์ที่มีส่วนผสมของแอลกฮอล์ เพราะค่อนข้างแรงกับผิวอาจทำให้ผิวใส ๆ ดูกร้านก่อนวัยได้




วัย 20 ปีขึ้นไป
             การดูแล :
 ปัญหาเรื่องสิว จะลดน้อยลง ยกเว้นในคนที่ผิวมัน ที่อาจมีเม็ดสิวเป้ง ๆ ให้รำคาญใจได้ หรือคนที่มีฮอร์โมนเพศสูง ก็อาจมีสิวโผล่อยู่เรื่อย ๆ นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์ที่เคยใช้ ในช่วงสาววัย 16 ได้ดี บางครั้งอาจจะไม่เหมาะกับสาววัยนี้ก็เป็นได้ เนื่องจากผิวหน้าที่เคยอ่อนใส อาจดูหมองคล้ำ หรือแห้งกร้านได้ตามวัยที่มากขึ้น การใช้ผลิตภัณฑ์ ที่มีส่วนผสมของ AHA จะช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตาย และเร่งการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ทำให้ผิวหน้าสดใส เปล่งปลั่งมากขึ้นและไม่ลืมทาครีมป้องกันแดดทุกครั้ง ก่อนออกจากบ้าน เพราะแสงแดด จะทำให้ริ้วรอยมาเยือนผิวได้เร็วขึ้น ป้องกันไว้ดีกว่าแก้แน่นอนค่ะ นอกจากนี้การใช้ AHA จะทำให้ผิวไวต่อแสงแดดมากขึ้นจึงจำเป็นที่จะต้องใช้ครีมกันแดดทุกวัน และหากเลี่ยงแดดแรง ๆ ได้ก็ควรทำค่ะ หรือจะเลือกการขัดผิวด้วยครีมขัดผิว ซึ่งผลิตมาเพื่อใช้กับผิวหน้าที่บอบบางก็สะดวกดีค่ะ วิธีขัดผิวที่ถูกต้อง ควรทำหลังจากทำความสะอาดหน้าแล้ว แต้มเจลหรือครีมขัดผิว ลงบนผิวหน้า 5 จุดคือ บริเวณ หน้าผาก แก้มทั้งสองข้างจมูก และคาง เว้นบริเวณรอบดวงตาไว้ แล้วใช้นิ้วกลางและนิ้วนาง ซึ่งมีแรงกด ค่อนข้างเบา นวดเป็นวงกลมไปในทิศเดียวกัน จะช่วยขจัดเซลล์ที่ตายแล้วให้หลุดลอก ทำให้ผิวหน้านวลผ่อง สดใสขึ้น ทำสัปดาห์ละครั้งก็พอค่ะ หลังจาก ขัดผิวแล้วอย่าลืมทามอยส์เจอร์ไรเซอร์ทุกครั้ง ซึ่งการขัดผิวจะช่วยให้ครีมบำรุงผิวซึมสู่ผิวได้ล้ำลึกขึ้น





วัย 30 ปีขึ้นไป
             การดูแล : ผิวหน้าของสาววัยนี้ จะมีปัญหาของริ้วรอยใต้ตา โดยเฉพาะเวลาที่คุณยิ้ม รอยตีนกาและรอยเหี่ยวย่นบนหน้าผาก จะเริ่มปรากฎชัดเจนขึ้น นอกจากนี้ผิวพรรณที่เคยเปล่งปลั่ง สดใสก่อนหน้านี้ ก็จะเริ่มขาดความยืดหยุ่น ผิวหน้าจะดูหยาบกร้านขึ้น รูขุมขนโตขึ้น การดูแลผิวจึงต้องครบเครื่องมากขึ้น ทั้งการขัดผิว และมาสค์หน้า จะช่วยขจัดการหลุดลอกของผิวชั้นนอก และช่วยดูดซับสิ่งสกปรกตกค้างจากรูขุมขนส่วนลึกได้ดี ทำให้หน้าสะอาด กระชับและสดใสขึ้น และสำหรับผิวหน้าที่ เริ่มมีริ้วรอยควรเลือกมาส์ค ที่มีสารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน หลังการพอกหน้าและล้างสะอาดแล้ว จะทำให้หน้าผ่อง เนียนนุ่ม และมีความยืดหยุ่นอย่างเห็นได้ชัด ส่วนการเลือกครีมบำรุงผิวของสาววัยนี้ ควรเน้นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวเป็นพิเศษ เพราะผิวหน้าจะเริ่มแห้งมากขึ้น น้ำหล่อเลี้ยงผิวหน้าตามธรรมชาติ ผลิตน้อยลง และควรเลือกชนิดเนื้อเบา เพื่อไม่ให้ไปอุดตันรูขุมขน